RSS

Category Archives: Interview

สัมภาษณ์นักเรียนทุนมงบุโช สาขาภาพยนตร์และประวัติศาสตร์ อารยา เป็นสุข หรือ พริก นักเรียนหลักสูตร Day Class 1 วาเซดะ ศรีราชา

สวัสดีชาววาเซดะทุกคนค่ะ   ฉันชื่อ อารยา  เป็นสุข  หรือ  พริก

จบการศึกษาระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนสาธิต”พิบูลบำเพ็ญ”มหาวิทยาลัยบูรพาค่ะ
จากนั้นก็สอบเอ็นทรานซ์ ติดที่คณะศิลปศาสตร์ เอกประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ถือว่าเป็นรุ่นสุดท้ายที่ต้องเอ็นทรานซ์ก่อนที่จะเปลี่ยนระบบใหม่นะคะ
จบออกมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ1 ค่ะ อันนี้ต้องขอคุยนิดนึงนะคะเพราะเป็นเรื่องดี ^_^

ทราบมาว่าน้องพริกได้รับทุนมงบุโช
อยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับทุนที่ได้รับค่ะ

เป็นทุนมงบุโชประเภท Research Student ค่ะ เปิดรับสมัครช่วงพฤษภาคมของทุกปี
ทุนนี้ให้นักเรียนที่จบมหาลัยสมัครเพื่อเรียนต่อปริญญาโท และ ปริญญาเอก
เงื่อนไขรายละเอียดก็ดีมากเลยค่ะ เช่นคนที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นแบบพริกก็สามารถสมัครได้
เพียงแต่ต้องมีเกรดเฉลี่ยตามที่เขากำหนดเท่านั้นและสอบเป็นภาษาอังกฤษเอา

ส่วนคนที่มีพื้นภาษาญี่ปุนอยู่เเล้ว  และมีเกรดเฉลี่ยค่อนข้างดี ก็ยิ่งมีโอกาสใหญ่
ผู้ที่ได้ทุนนี้ทุกคนพอไปถึงญี่ปุ่นแล้วต้องไปเรียนภาษาญี่ปุ่นก่อน ระยะเวลา6เดือน
จากนั้นก็เป็นนักศึกษาวิจัยอีก6เดือน  ต่อไปเราก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เราเลือก
ให้ได้เพื่อเรียนปริญญาโทน่ะคะ สรุปคือการได้ทุนนี้ยังไม่การันตีว่าเราจะได้เรียน
ปริญญาโทเลยนะคะ ต้องพยายามกันอีกยาวทั้งเรื่องภาษา และแสดงให้ทางเจ้า
ของทุนเห็นว่าเราเป็นนักศึกษาวิจัยที่มี Potential พอค่ะ 

ส่วนสาขาที่พริกเลือกไว้คือ Japanese Contemporary Culture and History
โดยเน้นด้านภาพยนตร์และประวัติศาสตร์ ไม่ได้เรียนเป็นผู้สร้างภาพยนตร์นะคะ
แต่เรียนเป็นผู้ดู ผู้วิเคราะห์ ผู้ถอดความสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในศิลปะเเขนงนี้ค่ะ
พริกเป็นคนชอบเรียนประวัติศาสตร์มานานแล้วค่ะ
ยิ่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุนนี่ยิ่งสนุกเลย

ทำไมจึงตัดสินใจมาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่วาเซดะศรีราชา

ที่เลือกเรียนที่นี่เพราะรู้จักมหาวิทยาลัยวาเซดะค่ะ วาเซดะเป็นมหาวิทยาลัยที่ดังมากที่ญี่ปุ่น
ยังคิดอยากเข้าเรียนที่นั่นเลยเพียงแต่ไม่มีอาจารย์ที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญด้านที่เราจะเรียนน่ะคะ
ที่นี้พอรู้ว่าที่ศรีราชามีสาขาเปิดก็เลยมาเรียนที่นี่เพราะใกล้บ้าน อยู่กรุงเทพมันเปลือง
เพราะเราออกจากงานมาได้สักพักเเล้วหลังจากรู้ว่าได้ทุน

เพื่อนร่วมห้องเดย์คลาส 1 เป็นอย่างไรบ้าง
ช่วยเล่าบรรยากาศในห้องเรียนนิ
ดนึงค่ะ

คิดไม่ผิดเลยที่เลือกที่นี่  คือตัวเองก็ไม่รู้ว่าที่อื่นยังไงนะคะเพราะไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นเลย
แต่ที่นี่สอนดีมาก คงไม่มีใครที่เรียนจบคอร์สนี้ไปโดยอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แน่ๆ
เพราะอาจารย์ละเอียดมากๆ  ขนาดเขียนตัวอักษรฮิราคานะองศายังต้องเป๊ะๆเลย
ตัวเองโดนประจำ55 ในฐานะที่ใหม่กับภาษานี้มากมายก็ต้องขอบอกเลยว่าเป็นภาษา
ที่ท้าทายความสามารถมากค่ะ ได้ข่าวไซโคมาตลอดว่ายากนะ เตรียมตัวดีๆ
แต่เรากลับรู้สึกว่าเหมือนเจออะไรที่ใช่! 555อาจจะฟังดูเว่อร์ๆแต่จริงๆนะคะ
ภาษานี้สนุกกว่าอังกฤษอีก

ในฐานะที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น (แบบจริงจัง)  คิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันน่ารักทุกคน  เกือบทุกคนมีพื้นฐานมาแล้วบ้าง
อีกทั้งยังมีเซนเซที่บ้านช่วยด้วย โชคดีกันมาก แต่เราต้องพยายามหนักกว่าเพื่อนๆเท่าตัว
จะได้ไม่ถ่วงคนอื่นน่ะค่ะ เเต่ก็นะทุกคนในหัองซึ่งมีอยู่7 คนเท่านั้นเลยเหมือนเรียนแบบ
Private ทุกคนสนิทกันเร็วแล้วก็คอยช่วยเหลือกันตลอดเลยค่ะ

ปีหน้าจะต้องเดินทางไปเรียนที่ญี่ปุ่นแล้ว
และจะต้องไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นเป็นระยะเวลานานๆ มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

เตรียมตัวเฉพาะเรื่องเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อเอาตัวรอดให้ได้ก่อน เรื่องอื่นๆเดี๋ยวทาง
สถานฑูตคงจะจัดการให้ตอนมกราคมปีหน้านะคะ เพราะต้องรอเอกสารตอบกลับ
จากทางรัฐบาลที่ญี่ปุ่นก่อน ตอนนี้ที่กังวลก็คือเรื่องภาษานี่แหล่ะค่ะ ส่วนการจากบ้าน
ไปนานๆคงต้องเหงาเป็นธรรมดาแต่ต้องอดทนค่ะเพื่ออนาคต ทุนมงบุโชเป็นทุนใหญ่มาก
ออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง แถมไม่ต้องกลับมาใช้ทุนอีกด้วย ถือเป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่
ในชีวิตของคนๆนึงเลยก็ว่าได้  มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นขนาดนี้ต้องเหงาอยู่ต่างประเทศบ้างก็ยอมค่ะ

อาจารย์ที่วาเซดะ ศรีราชา เป็นอย่างไรบ้างคะ

อาจารย์ทุกท่านน่ารักมาก   สอนดีแล้วก็ใจเย็นมาก  เมื่อเห็นอะไรผิดก็จะแก้ไขให้ทันที
ทำให้เราเข้าใจเเจ่มแจ้งก่อนเสมอก่อนที่เราจะผ่านไปบทอื่น ทบทวนบทเรียนทุกครั้ง
บอกตามตรงว่าตอนเเรกเครียดมากๆเพราะไม่รู้ภาษาเลย ยังงงอยู่ว่าจะสอนกันยังไงหนอ^^
แต่ตอนนี้เริ่มคิดเริ่มพูดภาษาญี่ปุ่นเป็นต่อยหอยเเล้ว
เห็นอะไรก็นึกขึ้นเป็นญี่ปุ่นตลอด ตลกดีนะคะ 

 

สัมภาษณ์นักศึกษาฝึกงานวาเซดะ ศรีราชา โบว์ และ บูม จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกภาษาญี่ปุ่น ม.บูรพา

Waseda Sriracha Diary สวัสดีค่ะ 
วันนี้ขออนุญาตแนะนำน้องๆนักศึกษาฝึกงาน

คนแรก  จารุวรรณ ปิยะไพร  หรือ โบว์   
จบมัธยมปลายจากโรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบางเขน

และ ปิยะวรรณ อัมรินทร์  หรือ บูม 
จบมัธยมจากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล

ตอนนี้ทั้งคู่เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
เอกภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี ค่ะ
รับหน้าที่เป็นนักศึกษาฝึกงาน ประจำภาคเรียนที่ 4 ปีการศึกษา 2554
ระยะเวลา 1 เดือน ที่น้องๆทั้งสองคนจะได้มาหาประสบการณ์
การทำงานกับวาเซดะค่ะ

ทำไมจึงเลือกเรียนคณะนี้ สาขานี้
แรงบันดาลใจในการเลือกเรียน

โบว์ : ตั้งแต่ ม.ปลาย โบว์เรียนสายศิลป์ภาษาอังกฤษ-ญี่ปุ่นอยู่แล้วค่ะ
เพราะชอบประเทศญี่ปุ่นและภาษาญี่ปุ่นมากๆ พอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ตอนนั้นคิดว่าอยากจะทำงานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่น ทำให้อยากเรียนภาษาญี่ปุ่น
ให้ลึกซึ้งมากขึ้น ก็เลยเลือกเรียนต่อทางด้านภาษาญี่ปุ่นที่มหาวิทยาลัยบูรพาค่ะ

บูม : ที่เลือกเรียนภาษาญี่ปุ่น เพราะว่าชอบค่ะ สนใจเกี่ยวกับญี่ปุ่นมาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว
เช่นพวกการ์ตูน เพลง เลยเริ่มศึกษาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็ไปเรียนพิเศษเพิ่มเติม
ตอนขึ้นม.ปลาย ก็เลือกเรียนสายศิลป์ญี่ปุ่น พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เลยเลือกเอก
ภาษาญี่ปุ่น เพื่อจะได้ต่อยอดความรู้ให้มากขึ้นไปอีกค่ะ
ทำไมจึงอยากมาฝึกงานที่วาเซดะ ศรีราชา

โบว์ : เคยได้ยินชื่อมหาวิทยาลัยวาเซดะมานานแล้วคะ พอรู้ว่ามาเปิดโรงเรียน

สอนภาษาที่เมืองไทยเลยยิ่งสนใจ เพราะวาเซดะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง
อีกที่หนึ่งในญี่ปุ่น พอได้ทราบข่าวจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ว่าโรงเรียนวาเซดะ
ศรีราชาต้องการนักศึกษาฝึกงานก็รีบส่งใบสมัครเลย  เพราะคิดว่าโอกาสจะได้ร่วม
งานกับวาเซดะไม่ได้มีมาบ่อยๆ เลยจูงมือกับบูมมาหาค่าขนมก่อนไปญี่ปุ่นกันทั้งคู่

บูม : จริงๆ ไม่ได้รู้จักวาเซดะเป็นการส่วนตัว แค่เคยได้ยินเท่านั้น
แต่อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแนะนำให้มาลองทำดู
เพราะเราสามารถฝึกใช้ภาษาญี่ปุ่นที่เราเรียนมาในการทำงานที่นี่ได้ด้วย

หลังจากที่ได้มาฝึกงานที่นี่  เป็นอย่างไรบ้างคะ

โบว์ : สนุกมากจริงๆคะ  ไม่ใช่ว่าได้เที่ยวเล่นอะไรถึงสนุก แต่ว่าสนุกเพราะได้ลอง
ทำงานหลายๆอย่าง  ซึ่งงานแต่ละอย่างมันไม่ได้ยากเกินความพยายามของเราเลย  
อย่างช่วง Japanese Fun Course ในบางครั้งก็จะเจออุปสรรคที่ไม่เหมือนกัน

พี่ๆสต๊าฟที่นี่ก็จะคอยให้คำแนะนำ  เพื่อไปปรับใช้ในครั้งต่อไป เด็กๆฟันคอร์ส
แอบซนมากก TT^TT  ต้องเล่นไล่จับกันทุกวัน แต่ว่าพอเห็นน้องๆสนุกกับการทำ
กิจกรรมที่เราเตรียมให้ ก็กลายเป็นกำลังใจให้เรา ทำให้คิดว่าครั้งต่อไปจะต้องทำ
ให้ดีกว่านี้ ได้ทำงานที่นี่แล้วรู้สึกว่าตัวเองต้องฟิตตลอดเวลา เพราะว่าที่วาเซดะ
ทั้งพี่ๆสต๊าฟ อาจารย์ชาวญี่ปุ่น พี่ๆแม่บ้าน ทุกคนเต็มที่กับงานมาก พูดแบบนี้อาจ
จะดูทั้งวันคงมีแต่เรื่องเครียด แต่ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ
ตลอดการฝึกงานที่ผ่านมาก็อบอุ่นมากๆเหมือนกัน
ทำให้ทุกวันที่ทำงานที่นี่มีความสุข
และก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากอีกอย่างหนึ่งด้วยค่ะ

บูม : สนุกมากเลยค่ะ แต่ก็แอบเหนื่อยด้วยเหมือนกัน ฮ่าๆๆ
การทำงานกับวาเซดะไม่ได้เคร่งเครียดมากนัก แต่เมื่อทำ
ก็ต้องตั้งใจแล้วก็ต้องจริงจังกับงานมากๆ
ถ้ามีข้อสงสัย พี่ๆ สต๊าฟก็จะคอยช่วยแนะนำตลอดเลยค่ะ


ช่วยเล่าบรรยากาศที่วาเซดะ ศรีราชา

โบว์ : มาถึงครั้งแรกถึงกับอ้าปากค้าง อารมณ์ประมาณว่า “โอ้โห..อลังการจริง!”
โรงเรียนสวยมากค่ะ ดูจากรูปกับอารมณ์มาเห็นกับตาจริงแตกต่างกันลิบลับ
ทุกอย่างดูทันสมัยสุดๆ โบว์เคยไปเรียนพิเศษภาษาญี่ปุ่นที่โรงเรียนสอนภาษาที่อื่น
แต่ไม่เคยเห็นโรงเรียนที่ไหนจะดูอลังการเท่าวาเซดะ ศรีราชาเลย
ห้องเรียนน่าเรียนมากๆ จนทำให้คิดว่าหลังจากฝึกงานจบแล้ว
อยากจะลงคอร์สเรียนดูบ้าง

บูม : ตอนที่มาเห็นสถานที่ทำงานวันแรกก็รู้สึกประทับใจมาก เป็นโรงเรียนสอนภาษา
และวัฒนธรรมเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่ดูกว้างขวาง แล้วบรรยากาศโดยรอบก็ดีสุดๆ ไปเลยค่ะ
แถมยังมีโถงโล่งเอาไว้สำหรับให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมอีกด้วย รวมไปถึงทุกคนที่ทำงานที่นี่
ทั้งอาจารย์ พี่ๆ สต๊าฟ แม่บ้าน ทุกคนยิ้มแย้มเจ่มใส มีน้ำใจ
แล้วก็ขยันทำงานกันมากๆ เลยค่ะ

งานที่น้องๆได้ทำที่นี่ มีอะไรบ้างคะ

โบว์ : งานที่ต้องรับผิดชอบหลักๆอย่างแรกเลยก็คือ Japanese Fun Course ค่ะ
ที่ต้องคอยดูแลน้องๆในชั่วโมงกิจกรรม ช่วยสอนการบ้าน แล้วก็คอยเตรียมกิจกรรมที่
เกี่ยวกับญี่ปุ่นให้น้องๆได้ทำ  การเตรียมงานแต่ละครั้งก็ต้องคิดว่าจะทำให้น้องๆสนุก
กับกิจกรรมได้ยังไง  มีการคิดเกมส์ให้น้องๆเล่นเพื่อเพิ่มความรู้ทางภาษาญี่ปุ่น
นอกจากนั้นก็เป็นงานออฟฟิส  คอยช่วยเหลืองานพี่ๆสต๊าฟ เล็กๆน้อยๆตามโอกาส
แล้วก็ช่วยงานอาจารย์ชาวญี่ปุ่นบ้างค่ะ

บูม : งานที่ทำส่วนใหญ่ก็คือเป็นสต๊าฟคอยดูและเด็กๆ ในกิจกรรม Fun Course ค่ะ
และเพราะว่านี่เป็นการทำงานครั้งแรก เลยต้องเตรียมความพร้อมหลายเท่า
เนื่องจากการดูแลเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เหมือนจับปูใส่กระด้งสุดๆ
แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนก็ยังยิ้มได้ค่ะ ฮ่าๆๆ นอกจากนี้ ก็ยังมีงานในสำนักงานด้วยค่ะ

ได้ข่าวมาว่า น้องๆได้ทุนไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย (โห …. เก่งจัง)

โบว์ : ทุนที่ได้นี้เป็นทุนที่มหาวิทยาลัยคันดะแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยบูรพาค่ะ
คือคนที่ได้ทุนจะได้รับการยกเว้นค่าเทอม แล้วก็มีเงินก้อนในแต่ละเดือนให้ใช้ด้วย
ทุนนี้มีทุกๆปีค่ะ อย่างปีนี้ที่สอบไปก็ได้ทุนไป 4 คน  โบว์กับบูมก็เป็น 2 คนในนั้น 
ได้โอกาสไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น 1 ปีเต็ม ที่จังหวัดจิบะ  ระยะเวลา 1 ปีค่ะ

บูม : บูมได้ทุนของคันดะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยคันดะเป็นเวลา 1 ปีค่ะ (เหมือนโบว์)
ทุนนี้ป็นทุนสำหรับนิสิตปี 3 เอกภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น โดยจะมีการสอบทั้งข้อเขียน
และเมื่อผ่านแล้วก็จะมีการสอบสัมภาษณ์ด้วย

คิดว่าไปอยู่ที่ญี่ปุ่น นอกจากเรียนแล้ว
มีโปรแกรมที่ตัวเองอยากทำมากๆ มีอะไรบ้าง

โบว์ : สิ่งที่อยากจะทำมีเยอะมากค่ะ  แต่ที่อยากจะทำให้ได้คือ
ไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่ชอบ >\\\< แล้วก็อยากไปดูการแสดงละครคาบูกิด้วยค่ะ
และก็ตั้งเป้าหมายไว้ก็คือ ในหนึ่งปีอยากจะเรียนรู้การใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นให้ได้มากๆ  
ทั้งวัฒนธรรม กฏเกณฑ์และมารยาท เพราะว่าคนญี่ปุ่นเป็นระเบียบและจริงจังกับทุกๆอย่าง
 เลยอยากจะเอามาปรับใช้กับการทำงานของตัวเองในอนาคต

บูม : สิ่งที่อยากทำ ก็คือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นให้ได้มากที่สุด
และเพราะว่าตัวเองเป็นคนชอบท่องเที่ยว ก็เลยอยากจะไปเที่ยวในสถานที่ที่ตัวเอง
อยากไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่เงินในกระเป๋าจะเอื้ออำนวยค่ะ ฮ่าๆๆ


เรียนภาษาญี่ปุ่นยากไหม

โบว์ : สำหรับโบว์บอกได้คำเดียวว่ายากค่ะ เพราะว่าภาษาญี่ปุ่นมีการลำดับประโยค
ต่างกับภาษาไทย แถมมีคำช่วยยุบยิบเต็มไปหมด ซึ่งพอยิ่งเรียนระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ
ก็ยิ่งรู้ว่าภาษาญี่ปุ่นมีความละเอียดและซับซ้อนของไวยากรณ์ เยอะมาก 
ไหนจะต้องคอยจำคันจิตัวใหม่ๆตลอดเวลา ทำให้เราต้องคอยฝึกฝนเรื่อยๆเป็นประจำ
เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น จำได้แป๊ปเดียวก็ลืมแล้ว

บูม : การเรียนภาษาญี่ปุ่นนั้นไม่ง่ายเลย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป
ที่ยากก็เป็นเพราะว่าไวยากรณ์นั้นซับซ้อน มีการผันกริยา มีการใช้ตัวช่วยต่างๆ
รวมไปถึงตัวอักษรที่มีมากกว่าภาษาไทยมาก นอกจากนี้ยังมีคันจิซึ่งเป็นตัวอักษร
เฉพาะที่เราจะต้องจำอีกด้วย แต่ถ้าเรามีความตั้งใจจริง มุ่งมั่นและพยายามศึกษา
ขยันอ่านหนังสือ รวมไปถึงทำแบบฝึกหัด ก็จะทำให้เราสามารถเก่งขึ้นได้แน่นอน

ฝากอะไรถึงคนที่กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่น และกำลังคิดอยากจะเรียนภาษาญี่ปุ่น

โบว์ : สำหรับคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ ก็อยากให้สนุกกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นมากๆนะคะ
อยากให้เรียนแบบไม่ใช่แค่ท่องจำอย่างเดียว ถ้าเมื่อไหร่ที่เริ่มท้อหรือเบื่อ ลองหาการ์ตูน 
เพลง หรือละครมาดู จะทำให้เราได้ความรู้ภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
โดยไม่รู้ตัวเลยคะ อย่างโบว์ก็ไม่ใช่คนที่ความจำดี และก็ไม่ขยันอ่านหนังสือมากมาย
แต่เวลาเรียนในห้องจะตั้งใจ และโบว์ก็ชอบดูรายการทีวีของญี่ปุ่น
พอได้ฟังคำศัทพ์บางคำบ่อยๆ เวลาเราไปเจอในชั้นเรียน
เราจะจำคำศัพท์นั้นได้ง่าย 

สำหรับคนที่สนใจเรียนภาษาญี่ปุ่น ก็ให้ลองคิดดูก่อนว่าอยากเรียนไปทำอะไร  
อยากจะเน้นในเรื่องไหน  แล้วลองหาคอร์สที่สนใจและเหมาะสมกับตัวเอง
ที่เหลือก็แค่ความตั้งใจจริงแล้วคะ  ไม่มีอะไรเกินความสารถของเราแน่นอน  
สู้ๆนะคะทุกคน โบว์ก็จะสู้ด้วยเหมือนกัน …เฮ้!!

บูม : สำหรับคนที่กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ สู้ๆ
อย่าท้อหรือหมดกำลังใจในการเรียนนะคะ ส่วนสำหรับผู้ที่สนใจและกำลังคิดว่า
อยากจะเรียนภาษาญี่ปุ่น ก็อยากจะให้ศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนดูก่อน
ว่าตัวเราชอบจริงหรือเปล่า เพราะถ้าเกิดว่าเรามีใจรักที่จะเรียน
ก็จะทำให้เรามีแรงกระตุ้นในการเรียนได้มากขึ้นค่ะ ^___^


 

เรียน Animation ที่โตเกียวมันเป็นยังไงน๊อ ?

บล็อกวันนี้   สวัสดีมาจากโตเกียวค่ะ
โสภาพรรณ  จึงวิวัฒนาภรณ์  หรือ ฮุ้ง
ศิษย์เก่าวาเซดะที่ยังคงติดต่อกับโรงเรียนอย่างเหนียวแน่น

วันนี้ฮุ้งแวะมารายงานความคืบหน้า
หลังจากเรียนจบคอร์สภาษาญี่ปุ่นที่โกเบเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้ฮุ้งกำลังเรียนวิชา Animation  อยู่ที่ 東京デサイン専門学校 (Tokyo Design Academy)
โรงเรียนตั้งอยู่แถวๆสถานีฮาราจูกู เดินมาจากสถานีประมาณ3นาที

หลักสูตรที่ฮุ้งเรียนก็ใช้ระยะเวลา 2ปี  (ยกเว้นหลักสูตร visaul design)เทอมแรกที่เข้าเรียน ก็จะเรียนพื้นฐาน デッサン(drawing) วาดฉาก การใช้โปรแกรม Illustrator
ทำรูปทรงสามมิติ  พอจบเทอมนี้น่าจะได้เรียนออกแบบตัวละครแล้วล่ะค่ะ

เพราะเป็นอะนิเมะ เลยมีเรียนวาดภาพเคลื่อนไหวด้วย
ปีหนึ่งต้องเรียนประวัติอะนิเมชั่นด้วย
ตลอดเทอมก็จะนั่งดูวีดีโอว่า กว่าจะเป็นอะนิเมะเรื่องหนึ่งเขาทำกันอย่างไร

ภาพนี้เป็นบรรยากาศห้องเรียนค่ะ
ที่อยู่บนโต๊ะ ก็เป็นโต๊ะไฟ
รู้สึกจะเรียน tracebox เอาไว้ลอกลาย กับวาดภาพเคลื่อนไหวค่ะ

เว็บไซต์ของโรงเรียน
http://www.tda.ac.jp/world/eng/index.html

 

เส้นทางการสอบวัดระดับ 2 ของ ภูษิต ตุ๋งคง (ดำ)

 

เรายังคงตามติดชีวิตของนักเรียนวาเซดะอย่างต่อเนื่อง  หากยังจำกันได้
เราเคยสัมภาษณ์คุณดำมาแล้วครั้งหนึ่ง  ตอนนั้นคุณดำกำลังเตรียมตัวสอบวัดระดับ 2
โดยยอมลงทุนลงแรง ลาออกจากงานประจำแล้วเข้ากรุงเพื่อมาเรียนที่วาเซดะ กรุงเทพฯ
เป็นระยะเวลา 1 ปีเต็มๆ

ความพยายามตลอด 1 ปีเต็ม กับการสอบวัดระดับ 2 ยังไม่สัมฤทธิ์ผล
เพราะคุณดำยังพลาดหวังจากการสอบวัดระดับเมื่อครั้งที่ผ่านมา
เรียกได้ว่า อกหักดังเป๊าะ (ดราม่าเล็กน้อย)

แต่จะดราม่าขนาดไหน เศร้าเสียใจขนาดไหน ก็ยังไม่ยอมแพ้
เพราะวันออกพรรษาไม่ได้มีหนเดียว วันวาเลนไทน์ไม่ได้มีหนเดียว
เฉกเช่นเดียวกับ การสอบวัดระดับก็ไม่ได้มีแค่หนเดียว

ดังนั้นแล้ว หลังจากพลาดท่าเสียที กับข้อสอบวัดระดับ 2 ที่ผ่านมา

คุณดำกลับมาตั้งหลักใหม่ กลับมาหางานทำที่บ้านเกิด
และแน่นอน  ภูษิต ตุ๋งคง  เขากลับมากู้ชีพของตัวเองอีกครั้ง
กับการเตรียมตัวสอบวัดระดับ 2 … ที่วาเซดะ ศรีราชา … อีกครั้ง

ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่คะ

ก่อนอื่นก็ต้องขอสวัสดีพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ทุกท่านก่อนนะครับ
หลังจากผมเรียนจบที่วาเซดะ กรุงเทพฯ  เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ปี 53
จากนั้นก็เริ่มออกหางานหาการทำตั้งแต่เดือนมกราคม 54 ครับ
ไปสัมภาษณ์อยู่ประมาณ 4 – 5 แห่งครับ ท้ายที่สุดก็มาสมัครกับ
บริษัทบางกอกอีสเทิร์นคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรม
อีสเทิร์นซีบอร์ด ( ระยอง ) สัมภาษณ์รอบแรกกับผู้จัดการฝ่ายโรงงาน
และคุณภาพกับผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล สัมภาษณ์รอบสอง
กับท่านประธานโรงงาน

ตื่นเต้นมากครับสำหรับการสัมภาษณ์งาน แต่คงเป็นเพราะทางวาเซดะ
มีหลักสูตรการสอนที่ดีมากครับ สามารถฟังและตอบคำถามได้อย่างเข้าใจ
หมดทุกคำถาม และได้เริ่มงานกับบริษัทบางกอกอีสเทิร์นคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด
ในตำแหน่ง Customer Service & Quality Control & Interpreter
( Quality Control Department ) ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
เป็นต้นมาครับ

งานที่ทำอยู่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นอย่างเต็มทีหรือเปล่าคะ

เนื่องจากต้องออกไปพบปะหรือร่วมประชุมหารือกับลูกค้าในเรื่องเกี่ยวกับคุณภาพของงาน
ซึ่งในบางครั้งก็ไปกับเจ้านายญี่ปุ่นด้วยก็จะทำหน้าที่ในการแปลในที่ประชุม
( แปลไทยเป็นญี่ปุ่น และแปลญี่ปุ่นเป็นไทย ) หรือบางครั้งถ้าเจ้านายไปได้ไปด้วยก็จะต้อง
นำผลการประชุมมาจัดทำรายงานการประชุมเพื่อเสนอต่อเจ้านายญี่ปุ่น  การใช้ภาษาญี่ปุ่น
ในการทำงานก็มีโอกาสได้ใช้ครับแต่ก็ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะที่บริษัทฯ
มีพนักงานที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ ( ล่าม ) จำนวน 2 คน เมื่อนับผมไปได้ด้วยก็เท่ากับ 3 คน
ก็เลยไม่ได้ใช้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์สักเท่าไหร่ครับ

ขออนุญาตถามถึงสถิติในการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นของคุณดำ
ในระดับ 2 หรือ
N2  ไม่ทราบว่า ผ่านสมรภูมิการสอบมาแล้วกี่ครั้ง
(ถามให้ปวดใจทำไมเนี่ย …)

อายจังครับสำหรับคำถามนี้  อิอิ  ผมเคยเข้าสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ระดับ 2 ( แบบเก่า )
มาแล้วจำนวน 2 ครั้งครับ เมื่อปี พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2552 ก็ยังไม่ผ่านสักที
ก็เลยตัดสินใจลาออกจากกงานเพื่อที่จะมุ่งเน้นกับการเรียนอย่างจริงจังที่วาเซดะ กรุงเทพฯ
โดยเริ่มเรียนตั้งแต่ เดือนเมษายน ปี 53 เป็นต้นมา ซึ่งในระหว่างนั้นก็สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น
ระดับ N3 ( แบบใหม่ ) ประสบความสำเร็จในการสอบครับ ผ่านฉลุย  และท้ายสุดคือการเข้าสอบ
วัดระดับภาษาญี่ปุ่น ระดับ N2 ( ถือว่าเทียบเท่ากับระดับ 2 แบบเก่า ) เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปี 53
แฮะๆๆๆๆ ไม่ผ่านครับ สอบตก อิอิ ตอนนั้นเสียใจมากเลยครับ

แต่ไม่เป็นไรครับความรู้อยู่กับตัวเรา ยังมีโอกาสสอบอีกตั้งมากมาย ปีนี้เอาใหม่
ไม่ยอมแพ้หรอกนะ  ตอนนี้ก็กำลังเรียนติวสอบวัดระดับอยู่ที่วาเซดะ ศรีราชาอยู่ครับ
ในใจคิดว่ายังไงต้องทำให้ได้  ยังไงก็ไม่ยอมแพ้แน่ๆ  (เอ๊า  ปรบมือออออ)


เราติดตามชีวิตการเรียนภาษาญี่ปุ่นของคุณดำมานาน ( เป็นปี )
เห็นว่าคุณดำมีความเพียรและพยายามเป็นอย่างมาก มันมีแรงจูงใจ
หรือ แรงบันดาลใจที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับสิ่งที่คิดว่า

” มันยากจัง … จะไหวไหม “

ผมคิดว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้ หรือ คนเราเลือกเกิดไม่ได้
แต่สามารถเลือกหรือกำหนดเส้นทางชีวิตของตนเองได้นะครับ ผมคิดแบบนี้อยู่บ่อยๆครับ
ดังนั้นผมจะคิดและวางแผนในการดำเนินชีวิตของผมเอง เช่นการเรียนภาษาญี่ปุ่น
ตอนแรกที่เรียนผมยอมรับครับ ว่าเคยโยนหนังสือทิ้งเลยก็มี มันรู้สึกว่ายากมากมาย
ทำใมมันยากอย่างนี้ ไม่เรียนแล้ว

แต่ในเมื่อเรามีแผนและดำเนินการตามแผนแล้ว  จ่ายเงินค่าเรียนไปแล้วด้วย
เราจะล้มเลิกไปง่ายๆนั้น ไม่ได้ครับ ต้องอดทน ต้องพยายาม มันไม่มีอะไรที่ยากเกิน
ความสามารถของคนไปได้หรอกครับ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีอุปสรรค
แต่ภายในอุปสรรคนั้นมันก็มีแสงสว่างและทางออกของมัน ขึ้นอยู่ว่าเราจะอดทน
และค้นหาแสงสว่างหรือทางออกของตัวเองเจอหรือเปล่า

สำคัญที่สุดก็คือ ไม่มีอะไรยากหรือเป็นไปไม่ได้ถ้าคนเราหรือมนุษย์เรายังคงมี
ความเพียรพยายามและมุ่งมั่นอยู่น่ะครับ  เวลาเจออุปสรรคหรือปัญหามันก็มีบ้างที่เหนื่อย
ล้า หรือ ท้อแท้ ท้อแท้ได้นะครับแต่ห้ามท้อถอย สู้ๆๆ ครับ

เป้าหมายในการเรียนภาษาญี่ปุ่น

เป้าหมายสูงสุดในการเรียนภาษาญี่ปุ่นของผม ณ ตอนนี้ คือ
การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ระดับ N2 ผ่านให้ได้ก่อนนะครับ
และก็จะพยายามหาเวลาเรียนและหาความรู้เพิ่มเติมอีกนะครับ
ในอนาคตถามว่าจะมุ่งมั่นที่จะให้ได้ระดับ N1 เลยไหม
ตอนนี้ผมยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายไปถึงขนาดนั้นหรอกครับ
คงจะต้องขอทำเป้าหมายปัจจุบัน ( การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ระดับ N2 )
ให้สำเร็จก่อนครับ

ฝากอะไรถึงคนที่กำลังเตรียมตัวสอบวัดระดับเหมือนคุณดำ

ขอให้ทุกๆคนที่กำลังเตรียมตัวสอบวัดระดับอยู่เหมือนกันกับผม
ไม่ว่าจะเป็นการสอบวัดระดับใดก็ตาม อย่างไงก็ขอให้ทุกๆคน
พยายามทำอย่างสุดความสามารถครับ ไม่ว่าผลสอบออกมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม
( แน่นอนเราทุกๆท่านก็คาดหวังที่จะผ่านให้ได้ )
ยังไงก็ขออย่าได้ยอมแพ้นะครับ

มาครับ เรามาพยายามด้วยกัน

 

รายการโทรทัศน์สัมภาษณ์นักศึกษา ม.วาเซดะ อภินรา ศรีกาญจนา

รายการ Station of Life  สัมภาษณ์ อภินรา  ศรีกาญจนา (มะปราง)
นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะศิลปศาสตร์นานาชาติ  มหาวิทยาลัยวาเซดะ
ที่โรงเรียนภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นวาเซดะ ค่ะ

มะปรางได้เล่าถึงการเรียนที่วาเซดะและการใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นไว้อย่างน่าสนใจ
พร้อมทั้งคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยวาเซดะหรือไปเรียนที่ญี่ปุ่น

ติดตามชมได้ในรายการ Station of Life ช่อง TNN2 (True Visions)  
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคมนี้ เวลา 14.00น. นะคะ

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับคณะศิลปะศาสตร์นานาชาติ  มหาวิทยาลัยวาเซดะ
http://www.waseda.jp/sils/en/

 

แนะนำนักศึกษาฝึกงาน แห่งวาเซดะ ศรีราชา

วาเซดะ ไดอะรี่  วันนี้ขอแนะนำให้รู้จักกับน้องๆนักศึกษาฝึกงาน 2 คน ค่ะ
ณัฐฐรี โสธรวิไล (ฝ้าย)  และ  จิตรา  แก้วกล่ำ  (น้ำ) 

ทั้งสองเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น

บ้านเกิดของน้ำอยู่ที่บางแสน ส่วนบ้านของฝ้ายอยู่ฉะเชิงเทรา
อยู่ใกล้ๆกับวาเซดะ ศรีราชานี่เอง

ทำอย่างไรจึงมาฝึกงานที่วาเซดะศรีราชาได้คะ

ฝ้าย  :  ต้องเริ่มจากที่เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้วค่ะ ตอนนั้นวาเซดะกำลังจะมีพิธีเปิดอาคารฯ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Japanese Fun Course  เพื่อนชวนให้มาลองฝึกงานที่นี่ เพราะมีประกาศ
รับสมัครนักศึกษาช่วยงานกิจกรรม Japanese Fun Course เป็นระยะเวลา 10 วัน ก็คิดว่า
“เออ น่าสนใจดีนะ ปิดเทอมก็ว่าง อยู่บ้านก็เบื่อ” ก็เลยจับมือเพื่อนอีกคนตุเลงๆกันมาสมัคร
พอมาได้ทำแล้วก็รู้สึกชอบเพราะได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นที่ตัวเองเรียนมา
พอดีกับว่ากำลังจะหาที่ฝึกงานพอดี ก็เลยทำเรื่องมาฝึกที่นี่ซะเลย

น้ำ : เคยได้ร่วมงาน part time กับวาเซดะที่กรุงเทพฯมาก่อนค่ะ หลังจากนั้นทราบข่าวว่า
วาเซดะมาเปิดที่ศรีราชา เลยตามมาขอฝึกงานที่นี่ เพราะอยากร่วมงานกับพี่ๆ ที่วาเซดะ
และอีกอย่างก็คืออยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวกค่ะ

การทำงานในแต่ละวันที่วาเซดะศรีราชา  ทำอะไรบ้าง

ฝ้าย  :  งานที่ทำก็มีบันทึกข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ บางทีพี่ๆก็จะมีงานให้แปลจาก
อาจารย์ญี่ปุ่นเล็กๆน้อยๆ  ช่วยงานในสำนักงาน หรือว่าบางอาทิตย์ที่จะต้องออกบูธ
ประชาสัมพันธ์ ก็ต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรมในการออกบูธ อย่างเช่น
พับโอริกามิ  Paper Craft  ช่วยประสานงานสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับอาจารย์

น้ำ : ในแต่ละวันก็แตกต่างกันออกไป อย่างช่วงที่มีกิจกรรม Japanese Fun Course
ก็ได้มีโอกาสเข้าไปเป็นสต๊าฟในห้องคอยช่วยเหลืองานสอนของอาจารย์ หลังจากเที่ยง
ก็เป็นกิจกรรมวัฒนธรรมญี่ปุ่น อันนี้ก็มีหลายอย่างเช่น การพับกระดาษโอริกามิ
ทำขนมโมจิ ทาโกะยากิ กิจกรรมแต่ละอย่างสนุกมาก จากที่ไม่เคยทำอาหารญี่ปุ่นมาก่อน
ก็ได้มาลองทำจริงๆที่นี่ค่ะ

ความประทับใจจากกิจกรรม Japanese Fun Course

ฝ้าย  : ประทับใจมากๆค่ะ เพราะได้มีส่วนร่วมในการสอนวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้น้องๆ
และที่สำคัญประทับใจน้องๆที่มาร่วมกิจกรรมทุกคน เพราะไม่ว่าจะให้ทำกิจกรรมอะไร
น้องๆให้ความร่วมมือตลอด ทำให้กิจกรรมมีความสนุกและน่าสนใจมากขึ้น
ทุกคนน่ารักมาก และยังทำให้เซนเซกับสต๊าฟมีความสนิทกันมากขึ้น
เพราะต้องช่วยกันทางด้านการสื่อสารกับน้องๆตอนที่เรียน

น้ำ :  อย่างแรกนะคะ คือประทับใจน้องๆรุ่นนี้ เพราะน้องๆเป็นกันเองมาก น่ารัก
และได้ลองทำอะไรใหม่ๆ อย่างเช่นขนมโมจิ ไม่เคยรู้เลยว่าทำอย่างไรจนได้มามีส่วนช่วย
ในกิจกรรมครั้งนี้ และยังได้พัฒนาความรู้ทางด้านวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นไปอีก
ส่วนเซนเซมีความเป็นกันเองและประทับใจที่เซนเซคอยช่วยแก้ไขเวลาที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นผิดๆ
ชอบเวลาที่เข้าไปช่วยเซนเซสอนในห้อง เหมือนทำให้ตัวเองได้ทบทวนภาษาญี่ปุ่นทุกวัน

บรรยากาศการทำงานที่วาเซดะศรีราชา

ฝ้าย  : พี่ๆทุกคนใจดี และให้ความเป็นกันเอง ทำงานเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
ทำให้การทำงานที่ยากๆกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น มีปัญหาอะไรพี่ๆที่นี่ก็จะคอยให้ความช่วยเหลือ
ที่ศรีราชาทุกคนจะสนิทกันมาก สนิทกันตั้งแต่อาจารย์ เจ้าหน้าที่ แม่บ้าน พี่ที่ร้านกาแฟ
ยันรปภ. เลยค่ะ

น้ำ : บรรยากาศที่ศรีราชาค่อนข้างดี เพราะอยู่ใกล้ธรรมชาติ เงียบสงบ
เหมาะกับการเป็นสถานที่เรียนมากๆ  อากาศดี อยู่ติดภูเขา
ที่สำคัญคือ ไม่ต้องปวดหัวกับปัญหารถติดค่ะ

มาฝึกงานที่นี่ให้ประสบการณ์ชีวิตอะไรกับน้องๆบ้าง

ฝ้าย  : ที่นี่ให้อะไรหลายๆอย่าง ฝึกการทำงานที่สามารถนำไปใช้ในการทำงานได้จริง
ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นที่ตัวเองเรียนมา ได้ฝึกระเบียบการทำงานและการตรงต่อเวลา
ได้รู้ว่าการทำงานจริงๆเป็นอย่างไร เวลามีปัญหาในการทำงานควรจะแก้ไขอย่างไร
เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นมากขึ้น จากอะไรที่ไม่เคยทำ
พอมาฝึกงานที่นี่ได้ทำหมดทุกอย่างเลยค่ะ

น้ำ : มาฝึกที่นี่ให้อะไรหลายๆอย่างเพราะได้ทำงานทุกแผนก ได้ลองใช้เครื่องถ่ายเอกสาร
ได้รับโทรศัทพ์ ได้แนะนำคอร์สเรียน บางครั้งก็ได้สื่อสารกับอาจารย์ญี่ปุ่นในเรื่องต่างๆ
แม้ว่าบางครั้งจะติดขัดไปบ้างแต่ก็รู้สึกดี

ในอนาคตอยากทำงานแบบไหน

ฝ้าย  : อยากจะเป็นไกด์ค่ะ อยากทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพราะเป็นคนที่ชอบเที่ยวอยู่แล้ว
ชอบพูดคุยพบปะผู้คน และอีกอย่างอยากจะใช้ภาษาญี่ปุ่นที่ตัวเองเรียนมาค่ะ

น้ำ :  ในอนาคตอยากจะทำงานบริษัททัวร์ที่ใดที่หนึ่ง เพราะว่าโดยส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยวตามที่ต่างๆ
อยากจะแนะนำให้ทุกๆคนได้รู้จักประเทศไทย

ฝากอะไรทิ้งท้ายก่อนจบกิจกรรมการฝึกงานค่ะ

ฝ้าย  : อยากจะขอบคุณพี่ๆ และเซนเซทุกคนที่คอยช่วยเหลือในเรื่องการฝึกงาน
ขอบคุณพี่แม่บ้าน (พี่ม๊ะ และ พี่โส ) ที่ทำอาหารให้ท้องอิ่มทุกวัน ขอบคุณน้ารปภ.
ที่คอยดูแลความปลอดภัยให้ในตอนกลางคืน ขอขอบคุณค่ะ

น้ำ :   เหลืออีกไม่กี่วันก็จะจบการฝึกงานแล้ว ขอขอบคุณพี่ๆวาเซดะทุกคน
ที่คอยให้ความช่วยเหลือคอยตักเตือนคอยชี้แนะ
มีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกับทุกคน ขอบคุณค่ะ